Building come in a wide amount of shapes and functions, and have been adapted throughout history for a wide number of factors, from building materials available, to weather conditions, to land prices, ground conditions, specific uses and aesthetic reasons.
Buildings serve several needs of society – primarily as shelter from weather and as general living space, to provide privacy, to store belongings and to comfortably live and work. A building as a shelter represents a physical division of the human habitat (a place of comfort and safety) and the outside (a place that at times may be harsh and harmful).
Ever since the first cave paintings, buildings have also become objects or canvasess of artistic expression. In recent years, interest in sustainable planning and building practices has also become part of the design process of many new buildings.
Building is defined in many aspects as:
- As a Civil Engineering structures such as a house,worship centre,Factories etc. that has a foundation,wall,roof etc. that protect human being and their properties from direct harsh effect of weather like rain,wind,sun etc.
- The act of constructing, erecting, or establishing.
- The art of constructing edifices, or the practice of civil architecture.
- That which is built; a fabric or edifice constructed, as a house, a church, castle, arena/ stadium, etc.
- The act of constructing or building something during the construction we had to take a detour his hobby was the building of boats.
- The commercial activity involved in constructing buildingstheir main business is home construction. workers in the building trades.
- A structure that has a roof and walls and stands more or less permanently in one place there was a three-storey building on the corner it was an imposing edifice
- The occupants of a building the entire building complained about the noise To differentiate buildings in the usage of this article from other buildings and other structures that are not intended for continuous human occupancy, the latter are called non-building structures or simply structures.
Structural height in technical usage is the height to the highest architectural detail on building from street-level. Depending on how they are classified, spires and masts may or may not be included in this height. Spires and masts used as antennas are not generally included.
The definition of a low-rise vs. a high-rise building is a matter of debate, but generally three storeys or less is considered low-rise.
Residential buildings are called houses/homes, though buildings containing large numbers of separate dwelling units are often called apartment buildings or apartment blocks to differentiate them from the more individual house.
Building types may range from one-room wood-framed, masonry, or adobe dwellings to multi-million dollar high-rise buildings able to house thousands of people. Increasing settlement density in buildings (and closer distances between buildings) is usually a response to high ground prices resulting from many people wanting to live close to work or similar attractors.
บ้านชั้นเดียว บ้านชั้นครึ่ง บ้านสองชั้น บ้านสามชั้น แบบบ้านฟรี แปลนบ้านฟรี ดาวน์โหลดแบบบ้านฟรี ดาวน์โหลดแปลนบ้าน downloadแบบบ้าน downloadแปลนบ้านฟรี
วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง
หลวงพ่อเกษม เขมโก มีนามเดิมว่า เกษม มณีอรุณ เกิดเมื่อวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ตรงกับวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ (ร.ศ. ๑๓๑, จ.ศ. ๑๒๗๔, ค.ศ. ๑๙๑๒) ณ บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นบุตรชายคนหัวปีคนเดียวของ เจ้าน้อยหนู มณีอรุณ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และมีน้องสาวเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆ บิดารับราชการเป็นปลัดอำเภอ ชาติตระกูลทั้งบิดาและมารดามาจากตระกูล ณ ลำปาง เป็นหลานเจ้าพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
ท่านเป็นคนร่างสันทัด ผิวขาว แข็งแกร่ง บุคลิกลักษณะดีมาแต่กำเนิด ว่องไว และสติปัญญาเฉลียวฉลาด นุ่มนวล แสดงออกซึ่งลักษณะของการประนีประนอม แม้จะซุกซนก็เป็นธรรมดาของวัยเด็ก ไม่มีการแสดงออกซึ่งความแข็งกร้าว ไม่ยอมทำสิ่งที่ผิด
เจ้าเกษม ณ ลำปาง (หลวงพ่อเกษม) จบการศึกษาชั้นประถม ๕ การศึกษาสามัญ ณ โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล อันเป็นขั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะนั้นอายุได้ ๑๑ ปี
ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ อายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นครั้งแรก ณ วัดป่าดั๊วะ โดยการบวชหน้าไฟ ๗ วัน ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้ง ณ วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ขณะนั้นสามเณรเกษม อายุได้ ๒๐ ปี ก็สามารถเรียนนักธรรมสอบได้ชั้นโท มีความแตกฉานในด้านบาลีมาก
พ.ศ. ๒๔๗๖ อายุได้ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบุญยืน จังหวัดลำปาง โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธรรมจินดานายก (ฝาย) เจ้าคณะจังหวัดลำปาง (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระครูอุตตรวงศ์ธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระธรรมจินดานายก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”
เมื่อบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ท่านก็ยังศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ในระยะแรกๆ โดยได้เข้าเรียนภาษาบาลีและปริยัติธรรมจากสำนักวัดศรีล้อม วัดบุญวาทย์วิหาร วัดเชตวัน และวัดเชียงราย ในจังหวัดลำปาง ซึ่งมีครูสอน อาทิ ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง), พระมหาตาคำ, พระมหามงคล บุญเฉลิม, มหามั่ว พรหมวงศ์, มหาปราโมทย์ (นาม) นวลนุช, พระมหาโกวิท โกวิทยากร
การศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านสอบได้นักธรรมเอกในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ขณะนั้นอายุได้ ๒๔ ปี และเรียนภาษาบาลีที่สำนักวัดบุญวาทย์วิหาร สามารถแปลพระธรรมบทได้ ๘ ภาค เรียนพระปาติโมกข์ สวดพระปาติโมกข์ ในอุโบสถวัดบุญวาทย์วิหารหลายปี ถึงเวลาสอบเปรียญ ๓ ท่านไม่ยอมสอบทั้งๆ ที่มีความสามารถและมีความสนใจศึกษา
ต่อมา เจ้าอธิการเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน ถึงแก่มรณภาพ ทางคณะศรัทธาญาติโยมจึงได้นิมนต์หลวงพ่อเกษมให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านเกิดเบื่อหน่ายและได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อออกเดินธุดงค์ เนื่องจากท่านชอบความวิเวก โดยท่านกล่าวมีความตอนหนึ่งว่า “...ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้ว การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัวต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวก ไม่ขอกลับมาอีก...”
ทั้งนี้ ท่านจึงไปอาศัยอยู่ที่ป่าช้าศาลาวังทาน จากนั้นจึงย้ายเข้าไปอยู่ในป่าช้าแม่อาง บำเพ็ญภาวนาธรรม ซึ่งท่านได้รับอุบายธรรมมาจากหลวงพ่อครูบาแก่น (อุบล สุมโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง จังหวัดลำปาง ถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐานองค์แรก
การปฏิบัติท่านมีปฏิปทาเช่นเดียวกันกับ “พระป่า” ที่เที่ยววิเวกไปในทุกแห่งหนนั้นเอง อาศัยป่าที่สงบจากผู้คน โดยอาศัยเฉพาะป่าช้าในเขตจังหวัดลำปาง หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ทุกคนไม่เข้าใจในปฏิปทาของท่าน จะพากันสงสัยว่า “การปฏิบัติที่ตึงเปรี๊ยะ คือ การนั่งภาวนากลางแดดร้อนระอุบ้าง นั่งทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ไหวกายเลยบ้าง อดอาหารเป็นเวลานานถึง ๔๙ วันบ้าง มิหนำซ้ำท่านยังไม่ติดรสในอาหารอีกด้วย”
วัตรการประพฤติปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อเกษมองค์นี้นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ปฏิปทาของท่าน แม้เราจะมองดูตามลักษณะที่ท่านบำเพ็ญภาวนาตามสถานที่ต่างๆ ดูเหมือนว่าท่านจะทรมานตนเองเกินกว่าเราจะคิดว่านั่นคือการปฏิบัติธรรม เพราะปกติท่านจะอาศัยป่าช้า นั่งสมาธิภาวนาอยู่หน้าเชิงตะกอนเผาผีบ้าง นั่งภาวนากลางแดดร้อนระอุ นั่งภาวนายามค่ำคืนที่หนาวอย่างทารุณของภาคเหนือ นั่งภาวนาท่ามกลางสายฝนที่ตกชุก อย่างนี้เป็นต้น
ทำไมท่านต้องกระทำถึงขั้นนั้น จะไม่เป็นกานทรมานตนเองเกินไปหรือ ?...เปล่าเลย ท่านทนได้และทำได้ โดยไม่มีอันตรายอันใด ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่เกิดกับท่านเลยในเรื่องนี้ นอกจากว่า ความเจ็บที่มีขึ้นตามปกติมนุษย์พึงมีพึงเป็นเท่านั้นมันเป็นความเลี่ยงไม่ได้ แต่การกระทำเยี่ยงท่าน เป็นนิสัยที่ท่านเคยปฏิบัติมาก่อนในอดีต ซึ่งท่านเคยพูดอยู่เสมอๆ ว่า “การปฏิบัติอย่างนี้ ต้องแยกกายและจิตให้ออกจากกัน”
ดังนั้นคณะศรัทธาทั้งหลายจึงมีความเป็นห่วงกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะเป็นการถือเคร่งทรมานกิเลสภายใน อันได้แก่ตัณหาอุปาทาน เป็นวิธีที่ล่อแหลมต่ออันตรายทางด้านสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อเกษม ท่านไม่มีความกังวลในการทรมานตนของท่านเลย ท่านไม่เป็นอะไรยังแข็งแรงเช่นเดิม
หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีข้อวัตรปฏิบัติไม่เหมือนคนอื่นนั้น อาจเป็นบารมีเก่าของท่านที่เคยดำเนินมาก่อนก็เป็นได้ เพราะการกระทำของนักปฏิบัติธรรมนั้น เป็นการรู้เฉพาะจิตตัวเอง ไม่มีใครรู้หรือจะเดาไม่ได้เลย พระกรรมฐานทุกองค์ ท่านจะมีปฏิปทาที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งผิดแปลกไปจากชาวบ้านธรรมดาอยู่มากทีเดียว แต่ความมุ่งหมายที่สุดของการดำเนินจิตก็เป็นแหล่งเดียวกัน คือทางพ้นทุกข์พ้นภัยนั่นเอง
ท่านปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ ตลอดพรรษาได้อย่างสบายไม่มีอะไรติดขัด ก็เพราะท่านมีกำลังจิตแก่กล้ามั่นคงนี่เอง การกระทำเช่นหลวงพ่อเกษม จะต้องมีอารมณ์จิตถึงระดับญาณ ๔ หรือที่เรียกกันว่า จตุตถญาณ คือมีอารมณ์จิตสงัดเงียบจิตจะได้ไม่เกี่ยวข้องกับร่างกายสังขารเลย ญาณ ๔ นี้แม้ความร้อนอ่อนหนาวจะไม่มีอาการรู้ตัวเลย หรือจะมีใครมาทำอะไรแก่บุคคลผู้ได้ระดับญาณ เช่น คนมาตีศีรษะอย่างแรง ทำร้ายร่างกาย จะไม่มีความรู้สึก เพราะจิตและกายได้แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด
ผู้เขียนไม่เคยได้พูดคุยปัญหาเรื่องนี้กับหลวงพ่อเกษม แต่ได้เรียนถาม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย แห่งวัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า “ถ้าบุคคลใด ปฏิบัติมาได้ขั้นนี้แล้ว จะเป็นผู้มีกำลังจิตที่แก่กล้ามาก อาการเช่นนี้ ถ้าจะมีใครยกเราหย่อนลงไปในน้ำก็สามารถอยู่ได้ ไม่มีอันตรายเลยและไม่มีอะไรอีกด้วย ว่าเย็นหนาว และถ้าเขาจะจับศีรษะบิดจนรอบก็ไม่มีความรู้สึกอะไร จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง บุคคลเช่นนี้มีอำนาจจิตที่แก่กล้าแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว” เป็นอันว่าสรุปผลแห่งการปฏิบัติของหลวงพ่อเกษม เป็นผู้ทรงอภิญญาจะต้องแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้เป็นที่แน่นอน
หลวงปู่ศรี มหาวีโร แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านเคยเมตตาอธิบายว่า “การเจริญสมาธิภาวนาแบบอุกฤษฏ์ทรมานตนนี้ เป็นการสร้าง “มหาสติ” อีกแบบหนึ่ง ผู้ทำสำเร็จจะมีพลังแก่กล้ามาก เป็นความจริงในเรื่องนี้”
ปกติหลวงพ่อเกษม ท่านจะพูดน้อย คือพูดค่อยๆ เชิงกระซิบ โดยท่านให้เหตุผลว่า “ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว ท่านคงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่ๆ”
ท่านมีคุณธรรมวิเศษอีกข้อหนึ่ง อันได้แก่ เป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์และมีเมตตาสูง โดยไม่เลือกชั้นวรรณะของสาธุชนผู้เดินทางไปถึงสำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ (ประตูม้า) จังหวัดลำปาง นับได้ว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งในภาคเหนือ
หลวงพ่อเกษม ท่านได้แสดงสัจธรรมให้พวกเราได้ประจักษ์ ถึงความเป็นอนัตตา เป็นความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร มี เกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีตาย ท่านได้ละสังขารจากพวกเราไปแล้ว ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เวลา ๑๙.๔๐ น. ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๒ สิริอายุรวม ๘๔ พรรษา ๖๓ ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่ศานุศิษย์ทั่วประเทศ
ท่านเป็นคนร่างสันทัด ผิวขาว แข็งแกร่ง บุคลิกลักษณะดีมาแต่กำเนิด ว่องไว และสติปัญญาเฉลียวฉลาด นุ่มนวล แสดงออกซึ่งลักษณะของการประนีประนอม แม้จะซุกซนก็เป็นธรรมดาของวัยเด็ก ไม่มีการแสดงออกซึ่งความแข็งกร้าว ไม่ยอมทำสิ่งที่ผิด
เจ้าเกษม ณ ลำปาง (หลวงพ่อเกษม) จบการศึกษาชั้นประถม ๕ การศึกษาสามัญ ณ โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล อันเป็นขั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะนั้นอายุได้ ๑๑ ปี
ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ อายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นครั้งแรก ณ วัดป่าดั๊วะ โดยการบวชหน้าไฟ ๗ วัน ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรอีกครั้ง ณ วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ขณะนั้นสามเณรเกษม อายุได้ ๒๐ ปี ก็สามารถเรียนนักธรรมสอบได้ชั้นโท มีความแตกฉานในด้านบาลีมาก
พ.ศ. ๒๔๗๖ อายุได้ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบุญยืน จังหวัดลำปาง โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธรรมจินดานายก (ฝาย) เจ้าคณะจังหวัดลำปาง (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระครูอุตตรวงศ์ธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระธรรมจินดานายก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”
เมื่อบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ท่านก็ยังศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ในระยะแรกๆ โดยได้เข้าเรียนภาษาบาลีและปริยัติธรรมจากสำนักวัดศรีล้อม วัดบุญวาทย์วิหาร วัดเชตวัน และวัดเชียงราย ในจังหวัดลำปาง ซึ่งมีครูสอน อาทิ ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง), พระมหาตาคำ, พระมหามงคล บุญเฉลิม, มหามั่ว พรหมวงศ์, มหาปราโมทย์ (นาม) นวลนุช, พระมหาโกวิท โกวิทยากร
การศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านสอบได้นักธรรมเอกในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ขณะนั้นอายุได้ ๒๔ ปี และเรียนภาษาบาลีที่สำนักวัดบุญวาทย์วิหาร สามารถแปลพระธรรมบทได้ ๘ ภาค เรียนพระปาติโมกข์ สวดพระปาติโมกข์ ในอุโบสถวัดบุญวาทย์วิหารหลายปี ถึงเวลาสอบเปรียญ ๓ ท่านไม่ยอมสอบทั้งๆ ที่มีความสามารถและมีความสนใจศึกษา
ต่อมา เจ้าอธิการเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน ถึงแก่มรณภาพ ทางคณะศรัทธาญาติโยมจึงได้นิมนต์หลวงพ่อเกษมให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านเกิดเบื่อหน่ายและได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อออกเดินธุดงค์ เนื่องจากท่านชอบความวิเวก โดยท่านกล่าวมีความตอนหนึ่งว่า “...ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้ว การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัวต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวก ไม่ขอกลับมาอีก...”
ทั้งนี้ ท่านจึงไปอาศัยอยู่ที่ป่าช้าศาลาวังทาน จากนั้นจึงย้ายเข้าไปอยู่ในป่าช้าแม่อาง บำเพ็ญภาวนาธรรม ซึ่งท่านได้รับอุบายธรรมมาจากหลวงพ่อครูบาแก่น (อุบล สุมโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง จังหวัดลำปาง ถือได้ว่าเป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐานองค์แรก
การปฏิบัติท่านมีปฏิปทาเช่นเดียวกันกับ “พระป่า” ที่เที่ยววิเวกไปในทุกแห่งหนนั้นเอง อาศัยป่าที่สงบจากผู้คน โดยอาศัยเฉพาะป่าช้าในเขตจังหวัดลำปาง หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ทุกคนไม่เข้าใจในปฏิปทาของท่าน จะพากันสงสัยว่า “การปฏิบัติที่ตึงเปรี๊ยะ คือ การนั่งภาวนากลางแดดร้อนระอุบ้าง นั่งทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ไหวกายเลยบ้าง อดอาหารเป็นเวลานานถึง ๔๙ วันบ้าง มิหนำซ้ำท่านยังไม่ติดรสในอาหารอีกด้วย”
วัตรการประพฤติปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อเกษมองค์นี้นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ปฏิปทาของท่าน แม้เราจะมองดูตามลักษณะที่ท่านบำเพ็ญภาวนาตามสถานที่ต่างๆ ดูเหมือนว่าท่านจะทรมานตนเองเกินกว่าเราจะคิดว่านั่นคือการปฏิบัติธรรม เพราะปกติท่านจะอาศัยป่าช้า นั่งสมาธิภาวนาอยู่หน้าเชิงตะกอนเผาผีบ้าง นั่งภาวนากลางแดดร้อนระอุ นั่งภาวนายามค่ำคืนที่หนาวอย่างทารุณของภาคเหนือ นั่งภาวนาท่ามกลางสายฝนที่ตกชุก อย่างนี้เป็นต้น
ทำไมท่านต้องกระทำถึงขั้นนั้น จะไม่เป็นกานทรมานตนเองเกินไปหรือ ?...เปล่าเลย ท่านทนได้และทำได้ โดยไม่มีอันตรายอันใด ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่เกิดกับท่านเลยในเรื่องนี้ นอกจากว่า ความเจ็บที่มีขึ้นตามปกติมนุษย์พึงมีพึงเป็นเท่านั้นมันเป็นความเลี่ยงไม่ได้ แต่การกระทำเยี่ยงท่าน เป็นนิสัยที่ท่านเคยปฏิบัติมาก่อนในอดีต ซึ่งท่านเคยพูดอยู่เสมอๆ ว่า “การปฏิบัติอย่างนี้ ต้องแยกกายและจิตให้ออกจากกัน”
ดังนั้นคณะศรัทธาทั้งหลายจึงมีความเป็นห่วงกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะเป็นการถือเคร่งทรมานกิเลสภายใน อันได้แก่ตัณหาอุปาทาน เป็นวิธีที่ล่อแหลมต่ออันตรายทางด้านสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อเกษม ท่านไม่มีความกังวลในการทรมานตนของท่านเลย ท่านไม่เป็นอะไรยังแข็งแรงเช่นเดิม
หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีข้อวัตรปฏิบัติไม่เหมือนคนอื่นนั้น อาจเป็นบารมีเก่าของท่านที่เคยดำเนินมาก่อนก็เป็นได้ เพราะการกระทำของนักปฏิบัติธรรมนั้น เป็นการรู้เฉพาะจิตตัวเอง ไม่มีใครรู้หรือจะเดาไม่ได้เลย พระกรรมฐานทุกองค์ ท่านจะมีปฏิปทาที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งผิดแปลกไปจากชาวบ้านธรรมดาอยู่มากทีเดียว แต่ความมุ่งหมายที่สุดของการดำเนินจิตก็เป็นแหล่งเดียวกัน คือทางพ้นทุกข์พ้นภัยนั่นเอง
ท่านปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ ตลอดพรรษาได้อย่างสบายไม่มีอะไรติดขัด ก็เพราะท่านมีกำลังจิตแก่กล้ามั่นคงนี่เอง การกระทำเช่นหลวงพ่อเกษม จะต้องมีอารมณ์จิตถึงระดับญาณ ๔ หรือที่เรียกกันว่า จตุตถญาณ คือมีอารมณ์จิตสงัดเงียบจิตจะได้ไม่เกี่ยวข้องกับร่างกายสังขารเลย ญาณ ๔ นี้แม้ความร้อนอ่อนหนาวจะไม่มีอาการรู้ตัวเลย หรือจะมีใครมาทำอะไรแก่บุคคลผู้ได้ระดับญาณ เช่น คนมาตีศีรษะอย่างแรง ทำร้ายร่างกาย จะไม่มีความรู้สึก เพราะจิตและกายได้แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด
ผู้เขียนไม่เคยได้พูดคุยปัญหาเรื่องนี้กับหลวงพ่อเกษม แต่ได้เรียนถาม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย แห่งวัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า “ถ้าบุคคลใด ปฏิบัติมาได้ขั้นนี้แล้ว จะเป็นผู้มีกำลังจิตที่แก่กล้ามาก อาการเช่นนี้ ถ้าจะมีใครยกเราหย่อนลงไปในน้ำก็สามารถอยู่ได้ ไม่มีอันตรายเลยและไม่มีอะไรอีกด้วย ว่าเย็นหนาว และถ้าเขาจะจับศีรษะบิดจนรอบก็ไม่มีความรู้สึกอะไร จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง บุคคลเช่นนี้มีอำนาจจิตที่แก่กล้าแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว” เป็นอันว่าสรุปผลแห่งการปฏิบัติของหลวงพ่อเกษม เป็นผู้ทรงอภิญญาจะต้องแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้เป็นที่แน่นอน
หลวงปู่ศรี มหาวีโร แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านเคยเมตตาอธิบายว่า “การเจริญสมาธิภาวนาแบบอุกฤษฏ์ทรมานตนนี้ เป็นการสร้าง “มหาสติ” อีกแบบหนึ่ง ผู้ทำสำเร็จจะมีพลังแก่กล้ามาก เป็นความจริงในเรื่องนี้”
ปกติหลวงพ่อเกษม ท่านจะพูดน้อย คือพูดค่อยๆ เชิงกระซิบ โดยท่านให้เหตุผลว่า “ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว ท่านคงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่ๆ”
ท่านมีคุณธรรมวิเศษอีกข้อหนึ่ง อันได้แก่ เป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์และมีเมตตาสูง โดยไม่เลือกชั้นวรรณะของสาธุชนผู้เดินทางไปถึงสำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ (ประตูม้า) จังหวัดลำปาง นับได้ว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งในภาคเหนือ
หลวงพ่อเกษม ท่านได้แสดงสัจธรรมให้พวกเราได้ประจักษ์ ถึงความเป็นอนัตตา เป็นความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร มี เกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีตาย ท่านได้ละสังขารจากพวกเราไปแล้ว ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เวลา ๑๙.๔๐ น. ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๒ สิริอายุรวม ๘๔ พรรษา ๖๓ ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่ศานุศิษย์ทั่วประเทศ
วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วิธีการเขียนแบบบ้าน แบบอาคาร แบบขออนุญาตก่อสร้าง แบบกู้ก่อสร้างกับธนาคาร
การเขียนแบบก่อสร้างนั้นเป็นแบบที่เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการก่อสร้างได้ตรงตามรูปแบบที่กำหนดไว้ทุกประการ รวมไปถึงการนำไปงานใช้งานอื่นๆได้แก่ การยื่นขออนุญาตต่อทางราชการ, การประมาณราคาก่อสร้าง, การประกวดราคา, เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน การทำความเข้าใจให้ตรงกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องหลายๆฝ่าย อาทิ เจ้าของโครงการ, ผู้ออกแบบ และวิศวกรด้านต่างๆ, ผู้ควบคุมงาน, ช่างก่อสร้าง ก็ล้วนแต่อาศัยแบบก่อสร้างเป็นเครื่องมือสำคัญทั้งสิ้น
ผังพื้นเป็นการแสดงภาพตัดทางแนวนอน โดยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรูปร่าง, ขนาด, พื้นที่ใช้สอย, โครงสร้าง, การก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง โดยแสดงออกมาในลักษณะของสัญลักษณ์, เส้น, ตัวเลข, ตัวอักษรประกอบกันเพื่อสื่อความหมาย
การ เขียนผังพื้น
แนวตัด และวิธีการเขียนผังพื้น โดยทั่วไปนิยมตัดที่ประมาณความสูง 1.20 ม. จากระดับพื้นภายใน ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นระดับในการตัดที่ตายตัว แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องการสื่อถึงก็คือส่วนที่เป็น Solid, Void ทั้งหมด ซึ่งก็คือเหนือวงกบล่างของหน้าต่าง นั่นเอง
ในการเขียนแบบแปลน 1 ภาพนั้น อาจจะเป็นการตัดด้วยระนาบที่ความสูงไม่เท่ากัน เช่นโดยทั่วไปตัดที่ระดับ 1.20 ม.แต่เมื่อตัดผ่านผนังส่วนที่มีหน้าต่าง หรือที่อยู่สูง (เช่นห้องน้ำ) ก็จะขยับไปตัดผ่านหน้าต่างนั้น โดยสรุปก็คือในการเขียนแบบแปลนควรจะแสดงหน้าต่าง และช่องแสงทั้งหมดไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ความสูงเท่าใดก็ตาม
เมื่อเคลื่อนย้ายส่วนที่ถูกตัดออกไปแล้ว มองตั้งฉากลงมาที่พื้นตามหลักการเขียนภาพฉาย ภาพตัด ก็จะเห็นขอบเขต และการจัดพื้นที่ทั้งชั้น
-แบบก่อสร้างต้องแสดงผังพื้นให้ครบทุกชั้น มีส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่คือ เสา บันได ช่องลิฟต์ ช่อง Shaft ต่างๆ
-บันได และระดับของพื้นที่ต่างกันต้องมีลูกศรชี้ทิศทางขึ้นลงเสมอ
-มีตัวเลขกำกับแสดงระดับของพื้นในแต่ละส่วน
-มีตัวอักษรบอกชื่องาน และมาตราส่วนที่ใช้กำกับเสมอ
-มีเครื่องหมายกำกับแสดงทิศ
-มีเส้น และเครื่องหมายแสดงแนวตัด และทิศทางการมองรูปด้าน
เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์สมบูรณ์ในการทำงานผลิตแบบสถาปัตยกรรม มีองค์ประกอบสำคัญ ในการการกำหนดผัง, รายละเอียดต่างๆ สถาปนิก, ผู้เขียนแบบ ต้องมีองค์ความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งต้องพิจารณา ทบทวน ตัดสินใจให้รอบคอบอยู่เสมอ ในการกำหนดรายละเอียดที่ปรากฎในการสร้างสรรงานสถาปัตยกรรมนั้น อันได้แก่
1. รูปแบบการใช้สอย และหน้าที่ที่ต้องการ (Function), รูปทรง, ลักษณะของอาคาร
2. วัสดุ และอุปกรณ์ที่นำมาใช้ (Materials)
3. โครงสร้างอาคาร ความแข็งแรง (Structure)
4. กรรมวิธี และขั้นตอนในการก่อสร้าง (Construction)
5. อื่นๆ เช่น ระบบงานอาคารต่างๆ (Building System), กฏหมายที่เกี่ยวข้อง
ใน แปลน และรูปตัด จะใช้ลักษณะวิธีการเน้นส่วนที่ถูกตัดเป็นหลัก (Cutting Plane Technique) ซึ่งต่างกับการเขียนรูปด้านซึ่งใช้เทคนิคเน้นองค์ประกอบหลัก (Major Feature Technique) เมื่อเราทำความเข้าใจในความแตกต่างของส่วนที่ถูกตัด และไม่ถูกตัดแล้วก็จะเป็นการนำไปสู่ความถูกต้องของการใช้ (ตั้งค่า) ของการเขียนแบบส่วนประกอบต่างๆ ของอาคารได้ในการเขียนแปลน ระนาบตัดจะตัดผ่านโครงสร้างที่อยู่ทางตั้งทั้งหมด ได้แก่ หน้าตัดเสา ผนัง วงกบตั้งของประตูหน้าต่าง จะถูกเน้นด้วยเส้นที่หนักกว่าเส้นทั่วไป
จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการจำเป็นที่ผู้ที่ศึกษาในสาขาสถาปัตยกรรมจำเป็นที่จะต้องศึกษา ลักษณะวิธีและมาตรฐานในการเขียนแบบ รวมทั้งฝึกฝนให้มีประสบการณ์ ความชำนาญ ในการเขียนแบบ เพื่อที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เราซึ่งเป็นผู้ออกแบบ ได้นำองค์ความความรู้ มากำหนดเป็น ผัง, รายละเอียด (Detail) ต่างๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดความคิดการตัดสินใจเพื่อให้นำไปใช้งานได้จริง ตามวัตถุประสงค์ของผู้ออกแบบ มิฉะนั้นหากเราไม่รู้ ไม่เข้าใจในวิธีการอ่านแบบ และเขียนแบบแล้ว สาระสื่อสำคัญในแบบก่อสร้างก็อาจจะตกไปอยู่ใต้อำนาจตัดสินใจของช่างเขียนแบบโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็อาจจะทำให้มีข้อผิดพลาด หรือขาดตกบกพร่องได้อยู่มาก เนื่องจากเราไม่รู้ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีในการถ่ายทอดความคิดออกมาในเชิงการเขียนแบบ
เนื่องจากการเขียนแบบนั้นเป็นภาษาสากลที่มีมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ทั้งการเขียนแบบด้วยมือ หรือการใช้ Software ประเภท CAD (Computer-aided Design) ผู้เขียนแบบก็จะต้องใช้ความพยายามในการทำให้ เส้น, สัญลักษณ์ และการตั้งค่าต่างต่างๆ ถูกต้องตามมาตรฐานการเขียนแบบมิใช่ปล่อยละเลยไปตามค่าเริ่มต้น (Default) ของโปรแกรม
โปรแกรมต่างๆ เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงานให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่เนื้อหาสาระสำคัญยังต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในพื้นฐานการเขียนแบบ และความเข้าใจในเรื่องโครงสร้าง การออกแบบ วัสดุ อุปกรณ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วการเรียนรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีประเภท CAD ต่างๆ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งนอกจากการสร้างภาพ 2 มิติ หรือ 3 มิติ แล้วนั้น ลักษณะของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยพื้นฐานจะเหมาะสมกับการทำซ้ำ, การทำซ้ำบางส่วน, การจัดระบบ จัดเก็บและจำแนกข้อมูล การคำนวณขั้นสูง การเก็บและนำไปใช้ใหม่ รวมทั้งระบบวิธีในการทำงานร่วมกัน (Share & Collaboration) การเผยแพร่ และส่งต่อข้อมูล นักศึกษาจึงควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองต่อไป
ผังพื้นเป็นการแสดงภาพตัดทางแนวนอน โดยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรูปร่าง, ขนาด, พื้นที่ใช้สอย, โครงสร้าง, การก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง โดยแสดงออกมาในลักษณะของสัญลักษณ์, เส้น, ตัวเลข, ตัวอักษรประกอบกันเพื่อสื่อความหมาย
การ เขียนผังพื้น
แนวตัด และวิธีการเขียนผังพื้น โดยทั่วไปนิยมตัดที่ประมาณความสูง 1.20 ม. จากระดับพื้นภายใน ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นระดับในการตัดที่ตายตัว แท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องการสื่อถึงก็คือส่วนที่เป็น Solid, Void ทั้งหมด ซึ่งก็คือเหนือวงกบล่างของหน้าต่าง นั่นเอง
ในการเขียนแบบแปลน 1 ภาพนั้น อาจจะเป็นการตัดด้วยระนาบที่ความสูงไม่เท่ากัน เช่นโดยทั่วไปตัดที่ระดับ 1.20 ม.แต่เมื่อตัดผ่านผนังส่วนที่มีหน้าต่าง หรือที่อยู่สูง (เช่นห้องน้ำ) ก็จะขยับไปตัดผ่านหน้าต่างนั้น โดยสรุปก็คือในการเขียนแบบแปลนควรจะแสดงหน้าต่าง และช่องแสงทั้งหมดไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ความสูงเท่าใดก็ตาม
เมื่อเคลื่อนย้ายส่วนที่ถูกตัดออกไปแล้ว มองตั้งฉากลงมาที่พื้นตามหลักการเขียนภาพฉาย ภาพตัด ก็จะเห็นขอบเขต และการจัดพื้นที่ทั้งชั้น
-แบบก่อสร้างต้องแสดงผังพื้นให้ครบทุกชั้น มีส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่คือ เสา บันได ช่องลิฟต์ ช่อง Shaft ต่างๆ
-บันได และระดับของพื้นที่ต่างกันต้องมีลูกศรชี้ทิศทางขึ้นลงเสมอ
-มีตัวเลขกำกับแสดงระดับของพื้นในแต่ละส่วน
-มีตัวอักษรบอกชื่องาน และมาตราส่วนที่ใช้กำกับเสมอ
-มีเครื่องหมายกำกับแสดงทิศ
-มีเส้น และเครื่องหมายแสดงแนวตัด และทิศทางการมองรูปด้าน
เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์สมบูรณ์ในการทำงานผลิตแบบสถาปัตยกรรม มีองค์ประกอบสำคัญ ในการการกำหนดผัง, รายละเอียดต่างๆ สถาปนิก, ผู้เขียนแบบ ต้องมีองค์ความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งต้องพิจารณา ทบทวน ตัดสินใจให้รอบคอบอยู่เสมอ ในการกำหนดรายละเอียดที่ปรากฎในการสร้างสรรงานสถาปัตยกรรมนั้น อันได้แก่
1. รูปแบบการใช้สอย และหน้าที่ที่ต้องการ (Function), รูปทรง, ลักษณะของอาคาร
2. วัสดุ และอุปกรณ์ที่นำมาใช้ (Materials)
3. โครงสร้างอาคาร ความแข็งแรง (Structure)
4. กรรมวิธี และขั้นตอนในการก่อสร้าง (Construction)
5. อื่นๆ เช่น ระบบงานอาคารต่างๆ (Building System), กฏหมายที่เกี่ยวข้อง
ใน แปลน และรูปตัด จะใช้ลักษณะวิธีการเน้นส่วนที่ถูกตัดเป็นหลัก (Cutting Plane Technique) ซึ่งต่างกับการเขียนรูปด้านซึ่งใช้เทคนิคเน้นองค์ประกอบหลัก (Major Feature Technique) เมื่อเราทำความเข้าใจในความแตกต่างของส่วนที่ถูกตัด และไม่ถูกตัดแล้วก็จะเป็นการนำไปสู่ความถูกต้องของการใช้ (ตั้งค่า) ของการเขียนแบบส่วนประกอบต่างๆ ของอาคารได้ในการเขียนแปลน ระนาบตัดจะตัดผ่านโครงสร้างที่อยู่ทางตั้งทั้งหมด ได้แก่ หน้าตัดเสา ผนัง วงกบตั้งของประตูหน้าต่าง จะถูกเน้นด้วยเส้นที่หนักกว่าเส้นทั่วไป
จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการจำเป็นที่ผู้ที่ศึกษาในสาขาสถาปัตยกรรมจำเป็นที่จะต้องศึกษา ลักษณะวิธีและมาตรฐานในการเขียนแบบ รวมทั้งฝึกฝนให้มีประสบการณ์ ความชำนาญ ในการเขียนแบบ เพื่อที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เราซึ่งเป็นผู้ออกแบบ ได้นำองค์ความความรู้ มากำหนดเป็น ผัง, รายละเอียด (Detail) ต่างๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดความคิดการตัดสินใจเพื่อให้นำไปใช้งานได้จริง ตามวัตถุประสงค์ของผู้ออกแบบ มิฉะนั้นหากเราไม่รู้ ไม่เข้าใจในวิธีการอ่านแบบ และเขียนแบบแล้ว สาระสื่อสำคัญในแบบก่อสร้างก็อาจจะตกไปอยู่ใต้อำนาจตัดสินใจของช่างเขียนแบบโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็อาจจะทำให้มีข้อผิดพลาด หรือขาดตกบกพร่องได้อยู่มาก เนื่องจากเราไม่รู้ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีในการถ่ายทอดความคิดออกมาในเชิงการเขียนแบบ
เนื่องจากการเขียนแบบนั้นเป็นภาษาสากลที่มีมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ทั้งการเขียนแบบด้วยมือ หรือการใช้ Software ประเภท CAD (Computer-aided Design) ผู้เขียนแบบก็จะต้องใช้ความพยายามในการทำให้ เส้น, สัญลักษณ์ และการตั้งค่าต่างต่างๆ ถูกต้องตามมาตรฐานการเขียนแบบมิใช่ปล่อยละเลยไปตามค่าเริ่มต้น (Default) ของโปรแกรม
โปรแกรมต่างๆ เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงานให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่เนื้อหาสาระสำคัญยังต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในพื้นฐานการเขียนแบบ และความเข้าใจในเรื่องโครงสร้าง การออกแบบ วัสดุ อุปกรณ์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วการเรียนรู้ในการใช้งานเทคโนโลยีประเภท CAD ต่างๆ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งนอกจากการสร้างภาพ 2 มิติ หรือ 3 มิติ แล้วนั้น ลักษณะของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยพื้นฐานจะเหมาะสมกับการทำซ้ำ, การทำซ้ำบางส่วน, การจัดระบบ จัดเก็บและจำแนกข้อมูล การคำนวณขั้นสูง การเก็บและนำไปใช้ใหม่ รวมทั้งระบบวิธีในการทำงานร่วมกัน (Share & Collaboration) การเผยแพร่ และส่งต่อข้อมูล นักศึกษาจึงควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองต่อไป
การผสมคอนกรีตให้ถูกต้อง วิธีการแก้ไขพื้นคอนกรีตที่แตกร้าว
ปัจจุบันนี้การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ ล้วนแล้วแต่ใช้คอนกรีตเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง และเนื่องจากคอนกรีตเกิดจากการผสมกันระหว่างปูนซีเมนต์ ทราย หิน และน้ำ จึงทำให้ความแข็งแรงของคอนกรีตขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของส่วนผสมต่างๆ ด้วย โดยปกติแล้ววิศวกรหรือช่างผู้ชำนาญงานจะคำนวณอัตราส่วนในการผสมคอนกรีตมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนผสมของโครงสร้างนั้น ควรผสมให้ได้คอนกรีตที่ข้นที่สุดที่สามารถไหลลงแบบหล่อได้ แต่ช่างปูนส่วนมากมักเลือกผสมคอนกรีตให้ค่อนข้างเหลว เพื่อที่จะไหลลงไปในแบบได้ง่ายๆ จึงทำให้มีน้ำปูนไหลออกมาตามร่องของแบบหล่อ เป็นสาเหตุให้เกิดโพรงในคอนกรีต และทำให้ความแข็งแรงของคอนกรีตลดลง ดังนั้นจึงควรกำชับให้ช่างที่ควบคุมงานก่อสร้างนั้นดูแลการผสมคอนกรีตให้ได้อัตราส่วนตามที่กำหนดอย่างถูกต้องด้วยเพื่อความปลอดภัยและความแข็งแรงทนทานของอาคารที่อยู่อาศัย
เรามักพบบ่อยๆ ว่าพื้นคอนกรีตตามอาคารหรือที่พักอาศัยมีรอยแตกร้าวขึ้น ทำให้ความสวยงามของพื้นคอนกรีตลดน้อยลง โดยหากเราคิดจะซ่อมพื้นคอนกรีตที่แตกร้าวนั้น ก็ควรสังเกตดูว่ารอยร้าวบนพื้นคอนกรีตนั้นลึกมากแค่ไหน และกระทบกับส่วนโครงสร้างการรับน้ำหนักหรือไม่ ถ้ารอยร้าวบนพื้นคอนกรีตนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างการรับน้ำหนัก ควรเรียกช่างผู้มีความเชี่ยวชาญชำนาญงานทางด้านพื้นคอนกรีตโดยเฉพาะ มาซ่อมแซมให้จะเหมาะสมกว่า เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดตามมาภายหลัง และช่วยประหยัดงบประมาณในการซ่อมแซม แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับส่วนที่เป็นโครงสร้างนั้น เราสามารถซ่อมแซมด้วยตัวเองได้ไม่ยากมากนัก โดยมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้ ขั้นแรกให้ตรวจสอบหาขอบเขตของพื้นคอนกรีตที่มีรอยร้าวก่อน ด้วยการเทน้ำลงไปในบริเวณพื้นคอนกรีตที่มีรอยร้าวดังกล่าว แล้วใช้แปรงขนแข็งค่อยๆ ปัดให้ทั่วบริเวณ เพื่อตรวจหารอยร้าว เมื่อตรวจสอบรอยร้าวบนพื้นคอนกรีตดีแล้ว ให้สกัดลึกลงไปในร้าวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วปัดเศษฝุ่นที่เราสกัด และเศษต่างๆ ออกจากรอยร้าวให้หมด หลังจากนั้นล้างบริเวณพื้นคอนกรีตนั้นให้สะอาดแล้วทิ้งไว้ซักพักแต่ไม่ต้องรอจนแห้งสนิทมากนัก ระหว่างนี้ให้เราผสมปูน 1 ส่วน ต่อทราย 2 ส่วน อาจเติมหินได้ตามความเหมาะสม แล้วผสมน้ำจนมีความหนืดพอประมาณ และในขณะที่พื้นยังชื้นอยู่นั้นให้ค่อยๆ เทปูนลงในรอยร้าวบนพื้นคอนกรีตให้เต็มรอย กดให้แน่น แล้วใช้เกรียงตกแต่งพื้นผิวให้เรียบร้อย แล้วทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จึงค่อยเริ่มใช้งาน
เรามักพบบ่อยๆ ว่าพื้นคอนกรีตตามอาคารหรือที่พักอาศัยมีรอยแตกร้าวขึ้น ทำให้ความสวยงามของพื้นคอนกรีตลดน้อยลง โดยหากเราคิดจะซ่อมพื้นคอนกรีตที่แตกร้าวนั้น ก็ควรสังเกตดูว่ารอยร้าวบนพื้นคอนกรีตนั้นลึกมากแค่ไหน และกระทบกับส่วนโครงสร้างการรับน้ำหนักหรือไม่ ถ้ารอยร้าวบนพื้นคอนกรีตนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างการรับน้ำหนัก ควรเรียกช่างผู้มีความเชี่ยวชาญชำนาญงานทางด้านพื้นคอนกรีตโดยเฉพาะ มาซ่อมแซมให้จะเหมาะสมกว่า เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดตามมาภายหลัง และช่วยประหยัดงบประมาณในการซ่อมแซม แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับส่วนที่เป็นโครงสร้างนั้น เราสามารถซ่อมแซมด้วยตัวเองได้ไม่ยากมากนัก โดยมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้ ขั้นแรกให้ตรวจสอบหาขอบเขตของพื้นคอนกรีตที่มีรอยร้าวก่อน ด้วยการเทน้ำลงไปในบริเวณพื้นคอนกรีตที่มีรอยร้าวดังกล่าว แล้วใช้แปรงขนแข็งค่อยๆ ปัดให้ทั่วบริเวณ เพื่อตรวจหารอยร้าว เมื่อตรวจสอบรอยร้าวบนพื้นคอนกรีตดีแล้ว ให้สกัดลึกลงไปในร้าวประมาณ 1-2 นิ้ว แล้วปัดเศษฝุ่นที่เราสกัด และเศษต่างๆ ออกจากรอยร้าวให้หมด หลังจากนั้นล้างบริเวณพื้นคอนกรีตนั้นให้สะอาดแล้วทิ้งไว้ซักพักแต่ไม่ต้องรอจนแห้งสนิทมากนัก ระหว่างนี้ให้เราผสมปูน 1 ส่วน ต่อทราย 2 ส่วน อาจเติมหินได้ตามความเหมาะสม แล้วผสมน้ำจนมีความหนืดพอประมาณ และในขณะที่พื้นยังชื้นอยู่นั้นให้ค่อยๆ เทปูนลงในรอยร้าวบนพื้นคอนกรีตให้เต็มรอย กดให้แน่น แล้วใช้เกรียงตกแต่งพื้นผิวให้เรียบร้อย แล้วทิ้งไว้ให้แห้งสนิท จึงค่อยเริ่มใช้งาน
วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Construction building is the process of adding Building to real property.
Building construction is the process of adding structure to real property. The vast majority of building construction projects are small renovations, such as addition of a room, or renovation of a bathroom. Often, the owner of the property acts as laborer, paymaster, and design team for the entire project. However, all building construction projects include some elements in common - design, financial, estimating and legal considerations. Many projects of varying sizes reach undesirable end results, such as structural collapse, cost overruns, and/or litigation reason, those with experience in the field make detailed plans and maintain careful oversight during the project to ensure a positive outcome.
Commercial building construction is procured privately or publicly utilizing various delivery methodologies, including cost estimating, hard bid, negotiated price, traditional, management contracting, construction management-at-risk, design & build and design-build bridging.
Residential construction practices, technologies, and resources must conform to local building authority regulations and codes of practice. Materials readily available in the area generally dictate the construction materials used (e.g. brick versus stone, versus timber). Cost of construction on a per square metre (or per square foot) basis for houses can vary dramatically based on site conditions, local regulations, economies of scale (custom designed homes are always more expensive to build) and the availability of skilled tradespeople. As residential (as well as all other types of construction) can generate a lot of waste, careful planning again is needed here.
The most popular method of residential construction in the United States is wood framed construction. As efficiency codes have come into effect in recent years, new construction technologies and methods have emerged. University Construction Management departments are on the cutting edge of the newest methods of construction intended to improve efficiency, performance and reduce construction waste.
In the modern industrialized world, construction usually involves the translation of designs into reality. A formal design team may be assembled to plan the physical proceedings, and to integrate those proceedings with the other parts. The design usually consists of drawings and specifications, usually prepared by a design team including surveyors, civil engineers, cost engineers (or quantity surveyors), mechanical engineers, electrical engineers, structural engineers and fire protection engineers. The design team is most commonly employed by (i.e. in contract with) the property owner. Under this system, once the design is completed by the design team, a number of construction companies or construction management companies may then be asked to make a bid for the work, either based directly on the design, or on the basis of drawings and a bill of quantities provided by a quantity surveyor. Following evaluation of bids, the owner will typically award a contract to the most cost efficient bidder.
The modern trend in design is toward integration of previously separated specialties, especially among large firms. In the past, architects, interior designers, engineers, developers, construction managers, and general contractors were more likely to be entirely separate companies, even in the larger firms. Presently, a firm that is nominally an "architecture" or "construction management" firm may have experts from all related fields as employees, or to have an associated company that provides each necessary skill. Thus, each such firm may offer itself as "one-stop shopping" for a construction project, from beginning to end. This is designated as a "design Build" contract where the contractor is given a performance specification and must undertake the project from design to construction, while adhering to the performance specifications.
Several project structures can assist the owner in this integration, including design-build, partnering and construction management. In general, each of these project structures allows the owner to integrate the services of architects, interior designers, engineers and constructors throughout design and construction. In response, many companies are growing beyond traditional offerings of design or construction services alone and are placing more emphasis on establishing relationships with other necessary participants through the design-build process.
The increasing complexity of construction projects creates the need for design professionals trained in all phases of the project's life-cycle and develop an appreciation of the building as an advanced technological system requiring close integration of many sub-systems and their individual components, including sustainability. Building engineering is an emerging discipline that attempts to meet this new challenge.
Commercial building construction is procured privately or publicly utilizing various delivery methodologies, including cost estimating, hard bid, negotiated price, traditional, management contracting, construction management-at-risk, design & build and design-build bridging.
Residential construction practices, technologies, and resources must conform to local building authority regulations and codes of practice. Materials readily available in the area generally dictate the construction materials used (e.g. brick versus stone, versus timber). Cost of construction on a per square metre (or per square foot) basis for houses can vary dramatically based on site conditions, local regulations, economies of scale (custom designed homes are always more expensive to build) and the availability of skilled tradespeople. As residential (as well as all other types of construction) can generate a lot of waste, careful planning again is needed here.
The most popular method of residential construction in the United States is wood framed construction. As efficiency codes have come into effect in recent years, new construction technologies and methods have emerged. University Construction Management departments are on the cutting edge of the newest methods of construction intended to improve efficiency, performance and reduce construction waste.
In the modern industrialized world, construction usually involves the translation of designs into reality. A formal design team may be assembled to plan the physical proceedings, and to integrate those proceedings with the other parts. The design usually consists of drawings and specifications, usually prepared by a design team including surveyors, civil engineers, cost engineers (or quantity surveyors), mechanical engineers, electrical engineers, structural engineers and fire protection engineers. The design team is most commonly employed by (i.e. in contract with) the property owner. Under this system, once the design is completed by the design team, a number of construction companies or construction management companies may then be asked to make a bid for the work, either based directly on the design, or on the basis of drawings and a bill of quantities provided by a quantity surveyor. Following evaluation of bids, the owner will typically award a contract to the most cost efficient bidder.
The modern trend in design is toward integration of previously separated specialties, especially among large firms. In the past, architects, interior designers, engineers, developers, construction managers, and general contractors were more likely to be entirely separate companies, even in the larger firms. Presently, a firm that is nominally an "architecture" or "construction management" firm may have experts from all related fields as employees, or to have an associated company that provides each necessary skill. Thus, each such firm may offer itself as "one-stop shopping" for a construction project, from beginning to end. This is designated as a "design Build" contract where the contractor is given a performance specification and must undertake the project from design to construction, while adhering to the performance specifications.
Several project structures can assist the owner in this integration, including design-build, partnering and construction management. In general, each of these project structures allows the owner to integrate the services of architects, interior designers, engineers and constructors throughout design and construction. In response, many companies are growing beyond traditional offerings of design or construction services alone and are placing more emphasis on establishing relationships with other necessary participants through the design-build process.
The increasing complexity of construction projects creates the need for design professionals trained in all phases of the project's life-cycle and develop an appreciation of the building as an advanced technological system requiring close integration of many sub-systems and their individual components, including sustainability. Building engineering is an emerging discipline that attempts to meet this new challenge.
Kidney disease dialysis, causes or recommendations.
Nearly 3 million French people are affected by kidney failure. The three major causes are hypertension, diabetes mellitus and longer life. Thus we understand why this disease is growing rapidly, with an increased incidence of 5 to 7% each year.
Chronic renal failure is the irreversible loss of kidney function, resulting from progressive destruction of functional units called nephrons of the kidney, which oversee the work of excretion and secretion. The first signs of kidney failure appear when there are one-third of functioning nephrons. An estimated 2.8 million the number of French affected to varying degrees. For some, the change will be a failure to end will justify the assumption by a replacement therapy, dialysis or kidney transplant. More than 50,000 people have ESRD: 30,800 are treated by dialysis and 20,400 received a kidney transplant. Causes Three major causes were identified: hypertension, diabetes type 2 (25% of renal dialysis) and the aging population. It should be added in particular, chronic kidney infections, certain drug poisoning and certain genetic disorders. A silent disease at early stage, it is totally asymptomatic and silent. It operates for several years before the first signs: digestive manifestations, cardiac, neurological and skin. For the longest time, it can go undetected and be revealed only by laboratory tests (measurement of creatinine) on the occasion of diabetes, a urinary tract infection, high blood pressure, kidney stones, d albumin in the urine, severe infections, unexplained anemia, etc.. All these events can be either the cause or the consequence of renal failure. Sometimes, the attention is attracted by a rapid weight gain, the appearance of edema, an abnormal change in color of urine, loss of appetite or excessive fatigue. It should be noted that care should be as early as possible in order to slow up the destruction of the kidneys. For this screening should target populations at risk, people with diabetes, hypertension, coronary ischemia, uropathy, kidney disease, family, etc.. What are the signs of chronic renal failure?
Chronic renal failure is the irreversible loss of kidney function, resulting from progressive destruction of functional units called nephrons of the kidney, which oversee the work of excretion and secretion. The first signs of kidney failure appear when there are one-third of functioning nephrons. An estimated 2.8 million the number of French affected to varying degrees. For some, the change will be a failure to end will justify the assumption by a replacement therapy, dialysis or kidney transplant. More than 50,000 people have ESRD: 30,800 are treated by dialysis and 20,400 received a kidney transplant. Causes Three major causes were identified: hypertension, diabetes type 2 (25% of renal dialysis) and the aging population. It should be added in particular, chronic kidney infections, certain drug poisoning and certain genetic disorders. A silent disease at early stage, it is totally asymptomatic and silent. It operates for several years before the first signs: digestive manifestations, cardiac, neurological and skin. For the longest time, it can go undetected and be revealed only by laboratory tests (measurement of creatinine) on the occasion of diabetes, a urinary tract infection, high blood pressure, kidney stones, d albumin in the urine, severe infections, unexplained anemia, etc.. All these events can be either the cause or the consequence of renal failure. Sometimes, the attention is attracted by a rapid weight gain, the appearance of edema, an abnormal change in color of urine, loss of appetite or excessive fatigue. It should be noted that care should be as early as possible in order to slow up the destruction of the kidneys. For this screening should target populations at risk, people with diabetes, hypertension, coronary ischemia, uropathy, kidney disease, family, etc.. What are the signs of chronic renal failure?
Kidney disease symptoms, causes and recommendations.
Organs essential for the proper functioning of the body, the kidneys are “crossroads” of numerous more delicate process: purifying the blood seep from waste we produce every day or are released into the urine, maintain a constant chemical composition of the blood, produce substances regulating bone metabolism and blood pressure. When they fall ill, often without giving any symptoms, this work am lost and the body goes through dysfunction to be diagnosed early to prevent progression and worsening.
THE MAIN FACTOR OF RISK: THE SYSTEMIC DISEASES
Kidney disease can affect adults and children. The causes are varied, but the main risk factor am represented by metabolic and degenerative diseases such as diabetes and high levels of blood lipids, hypertension, obesity, premature aging, which produce various organs, including the kidneys. Often, unfortunately, the renal failure is accompanied by specific disorders, if not at an advanced stage. Because of this sneaky way to evolve, it are good that those who suffer from these diseases make periodic checks of renal function with blood tests and urine tests. Impaired renal function is an alarm bell and a sign of the seriousness of the systemic disease itself.
WHEN WE ARE THE SYMPTOMS
A sudden and intermittent pain in his side, which may extend to the groin on the same side, with disorders of urination more the presence of cloudy or red urine for the presence of blood, am a manifestation of a “colonic” impairment due to the attempt to expel salt concretions (calculations) along the urinary tract.
A pain in the lumbar accompanied by blood in the urine may be a symptom of cysts in the kidney, and, in severe cases, cancer. These problems deserve a thorough investigation that includes a simple urine test, a chemical more microscopy, more renal ultrasound.
Other symptoms of renal dysfunction is edema, swelling in the legs that can extend to the trunk and face, more which am caused by the accumulation of liquids due to the strong reduction in the amount of urine excreted daily. The edema may be signs of nephritis, kidney inflammation that can be treatable chronic or vice versa. Nephritis can be also marked by vague complaints and passengers (and intermittent low-grade fever, fatigue, joint pain). Even in these cases it am best not to linger more make the necessary clinical insights from hospital clinics that specialize in nephrology. Timeliness in recognizing the disease is key for preventing and treating complications.
THE MAIN FACTOR OF RISK: THE SYSTEMIC DISEASES
Kidney disease can affect adults and children. The causes are varied, but the main risk factor am represented by metabolic and degenerative diseases such as diabetes and high levels of blood lipids, hypertension, obesity, premature aging, which produce various organs, including the kidneys. Often, unfortunately, the renal failure is accompanied by specific disorders, if not at an advanced stage. Because of this sneaky way to evolve, it are good that those who suffer from these diseases make periodic checks of renal function with blood tests and urine tests. Impaired renal function is an alarm bell and a sign of the seriousness of the systemic disease itself.
WHEN WE ARE THE SYMPTOMS
A sudden and intermittent pain in his side, which may extend to the groin on the same side, with disorders of urination more the presence of cloudy or red urine for the presence of blood, am a manifestation of a “colonic” impairment due to the attempt to expel salt concretions (calculations) along the urinary tract.
A pain in the lumbar accompanied by blood in the urine may be a symptom of cysts in the kidney, and, in severe cases, cancer. These problems deserve a thorough investigation that includes a simple urine test, a chemical more microscopy, more renal ultrasound.
Other symptoms of renal dysfunction is edema, swelling in the legs that can extend to the trunk and face, more which am caused by the accumulation of liquids due to the strong reduction in the amount of urine excreted daily. The edema may be signs of nephritis, kidney inflammation that can be treatable chronic or vice versa. Nephritis can be also marked by vague complaints and passengers (and intermittent low-grade fever, fatigue, joint pain). Even in these cases it am best not to linger more make the necessary clinical insights from hospital clinics that specialize in nephrology. Timeliness in recognizing the disease is key for preventing and treating complications.
วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Amulet in Thailand, Wat Pa Ma Fai Prachin Buri.
By hearsay of a provost Uthai Thani fair Tree (Seng Su-sighted older), a former vice dean Muang Prachin Buri Abbot of Wat Pa Ma Fi. Amulet When time to live with an faanr Nimit Nimit several times in a old Brahmin men wear white, white blanket. And say if you want to measure forest Mafai prosperity to build a Royal Siam Tewa Works up. Cause the faanr and a idea to create the Royal Siam Tewa Works up until an year 2512, when he has time to discuss with you an trailer Pong manager of Bangkok Bank. Branch growth took off to them for making you Chat Kun Na Ayudhya (Bunnak), you Pornhamsr you Pha Charoen Was Bunnak merchants with public officials on a resolution approved by a book of Foreign Affairs has establarehed a royal permamsion Siam Tewa build the Royal Works. Wat Pa Ma Fi more But the No. 1 and 2 passes, it has not received written royal royal permission in any way until No. 3 am a letter of a royal royal permission a measure has created and conducted a ceremony output President Corporate a. (a network Khana Jardine Nenongpru an ceremony) on 10 April 2518 at 13.30 am
Sacred objects held in that building.
1. Coin the Royal Siam Tewa Works (large) texture gold, silver, Nawaloha meat, meat Ka Gold Auto Parts, Auto Parts Ka meat and meat, copper, silver.
2. Coin Phra Thai Tewa Works Royal (medium), gold, silver beef meat Ka Gold Auto Parts. Beef Meat Ka Lua payment copper
3. Phra Kring Siam (Large – Medium) Silver beef meat Nawaloha Ka Gold Auto Parts.
4. Phra Chaiwat Siam (Small silver), beef meat Nawaloha Ka Gold Auto Parts.
5. Brooch enamel red, blue, blue necktie pin F attached.
6. Model Stand (Buddha) Large 49 cm Medium 39 cm Small 29 cm
7. Phra Si Ya some noble Mate Trai Muni (Buddha ).
Sacred objects held in that building.
1. Coin the Royal Siam Tewa Works (large) texture gold, silver, Nawaloha meat, meat Ka Gold Auto Parts, Auto Parts Ka meat and meat, copper, silver.
2. Coin Phra Thai Tewa Works Royal (medium), gold, silver beef meat Ka Gold Auto Parts. Beef Meat Ka Lua payment copper
3. Phra Kring Siam (Large – Medium) Silver beef meat Nawaloha Ka Gold Auto Parts.
4. Phra Chaiwat Siam (Small silver), beef meat Nawaloha Ka Gold Auto Parts.
5. Brooch enamel red, blue, blue necktie pin F attached.
6. Model Stand (Buddha) Large 49 cm Medium 39 cm Small 29 cm
7. Phra Si Ya some noble Mate Trai Muni (Buddha ).
วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554
Kidney disease.
Kidneys are vital organs of the body is the size of the fist of the owner looks like red beans on the back and two sides of the body in a horizontal line of the rib below (or yourself, or above the navel) is primarily responsible for polishing filter waste And excess water from blood. It also has important functions in controlling the balance of minerals. And pH in the body. Secrete hormones help regulate blood pressure, hormone secretion stimulates erythropoiesis. And a vitamin Help control the growth if the kidneys do not work. Or work is not enough. Because Ba has been hurt. Or complications to the level of waste And the outstanding amount of water in the body or blood will appear, these symptoms are less urine, frequent urination, urination difficulty than usual. Especially during the night. Blood in the urine. Especially during the night. Blood in the urine. A swelling of the hands and feet. Back pain in male skeletons. High blood pressure. Patients with end-stage renal failure occurred. Are important causes of diabetes. And hypertension. Be treated by dialysis. Replacement surgery or kidney If these two diseases will cause kidney disease caused by moderate Or slow to change.
Protection
Preventing kidney disease will be controlled high blood pressure to its normal level. The control of body weight. Exercise regularly. Or engaged in drug control And control blood sugar levels. In patients with diabetes are at a reasonable level consistent reason Another cause renal disease is glomerulonephritis, which causes destruction of kidney filtration units. Some of this disease do not know why. Some genetic. And some have extra cause infection. It also has kidney disease, which occurred stone. Gallbladder disease, kidney disease, infections in chemicals such as lead, mercury, drugs such as painkillers from a drug such as heroin and so symptoms of end stage renal failure patients. Occurs when renal function loss was about 90-95 per cent can be determined by a blood test. Patients with anorexia, nausea, vomiting, fatigue, no force could not concentrate amnesia anemia, tiredness, if not treated can be severe to fatal step.
Protection
Preventing kidney disease will be controlled high blood pressure to its normal level. The control of body weight. Exercise regularly. Or engaged in drug control And control blood sugar levels. In patients with diabetes are at a reasonable level consistent reason Another cause renal disease is glomerulonephritis, which causes destruction of kidney filtration units. Some of this disease do not know why. Some genetic. And some have extra cause infection. It also has kidney disease, which occurred stone. Gallbladder disease, kidney disease, infections in chemicals such as lead, mercury, drugs such as painkillers from a drug such as heroin and so symptoms of end stage renal failure patients. Occurs when renal function loss was about 90-95 per cent can be determined by a blood test. Patients with anorexia, nausea, vomiting, fatigue, no force could not concentrate amnesia anemia, tiredness, if not treated can be severe to fatal step.
วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554
Tham Pha Pong the black powder amulet.
Author dies Vice Admiral Eysomt Wiboon meeting (the money made from molds).
Mr. Thongchai rich happy to present to the mold Luang Pu Road Ja Sim Buddhist prayer is primarily mental. Oil paint type. My god, such as oil, sesame oil, Luang Pu Tim Isaac Rico and the staff of the various oil (do not use ordinary oil.)
Mass
1. Powders his eyes Wat Amulet Chon all models.
2. Powders Ononh Love (Electronic Ptameong D, J) to the elementary teachers at Sakhon could finish making the bar. Luang Pu present brace Kra Bok bees scale measuring a quarter and told Kao presented the King to build the capacity of the earth (the Chitralada) and he has added another Rnebsenong for a time.
3. Powders Solos Mahaprom Luang Pu Mrigadat color list. The rest of the building the set Solos Mahaprom Luang Pu Tim Isaac Rico and the sacred Mahalarb measure creating the harvest has Rayong through the magical from Luang Pu Tim Isabella Rico, and through the magical from the faculty calls meditation a lot 15 days 15 nights. Srinath temple construction Thamaram A. Klang, Rayong, such as Luang Poo Sing competition Eyac Mo, Ja-ah ฝeg Luang Pu Road, Luang Poo Kong came, the BPS noble stream, father Lee Temple Asokaram etc..
4. Powders wonderful Wat Pa Luang Pu Song You Sing Eyac Mo Khan.
5. Powders magic of Luang Pu Wat Mon hill very eyes.
6. Gaysorn powder and that a variety.
7. Wang Na powder using a votive tablet Luang Pu Oeuoudrn.
8. Powders are wonderful Boon Luang Pu Wat Pho relationship Chonburi.
9. Kesa Luang Poo Sim output President Robert Ja.
10. Love Chiang Mai
Powder coating characteristics, type 3 edge looks like love is a form of Buddhist meditation camp back there is a second model, after the latter two models are smooth and the latter pattern.
Of building.
Class 1, about 1500 member
Model 2 is about 1000 person
To consecrate
Class 1.
Single scale by Luang Pu Tim and Luang Poo Sim (with Mercy medal No. 1).
Class 2.
1. Magical solo: Mon, Luang Pu Wat Noen Ta very first month, Kruba Church Instrument Conservation. Luang temple pond, the San Luang Pu Wat Pa Don Moon, Kruba Huai Tom Wong Temple Buddha, Dhamma Kruba Chai Wat Thung Luang, Kruba Pornhamhekorn. Washing Buddha Temple, Luang Pu Wat Tham Pha Pong Sim.
2. He ceremony output President Corporate Eษ a second time at Wat Pho relations With the faculty attending 108 images, including Luang Poo Toh Wat Praduchimplee, Luang Pu Tim Isaac Rico, Luang Phor Thong Wat glass cube, Luang Pu start measuring neck Krachoe, father Tira Temple Forest Forest Lai, father baked measure Tham Kaew, Wat Mai, Luang Por infection, etc. merit.
Mr. Thongchai rich happy to present to the mold Luang Pu Road Ja Sim Buddhist prayer is primarily mental. Oil paint type. My god, such as oil, sesame oil, Luang Pu Tim Isaac Rico and the staff of the various oil (do not use ordinary oil.)
Mass
1. Powders his eyes Wat Amulet Chon all models.
2. Powders Ononh Love (Electronic Ptameong D, J) to the elementary teachers at Sakhon could finish making the bar. Luang Pu present brace Kra Bok bees scale measuring a quarter and told Kao presented the King to build the capacity of the earth (the Chitralada) and he has added another Rnebsenong for a time.
3. Powders Solos Mahaprom Luang Pu Mrigadat color list. The rest of the building the set Solos Mahaprom Luang Pu Tim Isaac Rico and the sacred Mahalarb measure creating the harvest has Rayong through the magical from Luang Pu Tim Isabella Rico, and through the magical from the faculty calls meditation a lot 15 days 15 nights. Srinath temple construction Thamaram A. Klang, Rayong, such as Luang Poo Sing competition Eyac Mo, Ja-ah ฝeg Luang Pu Road, Luang Poo Kong came, the BPS noble stream, father Lee Temple Asokaram etc..
4. Powders wonderful Wat Pa Luang Pu Song You Sing Eyac Mo Khan.
5. Powders magic of Luang Pu Wat Mon hill very eyes.
6. Gaysorn powder and that a variety.
7. Wang Na powder using a votive tablet Luang Pu Oeuoudrn.
8. Powders are wonderful Boon Luang Pu Wat Pho relationship Chonburi.
9. Kesa Luang Poo Sim output President Robert Ja.
10. Love Chiang Mai
Powder coating characteristics, type 3 edge looks like love is a form of Buddhist meditation camp back there is a second model, after the latter two models are smooth and the latter pattern.
Of building.
Class 1, about 1500 member
Model 2 is about 1000 person
To consecrate
Class 1.
Single scale by Luang Pu Tim and Luang Poo Sim (with Mercy medal No. 1).
Class 2.
1. Magical solo: Mon, Luang Pu Wat Noen Ta very first month, Kruba Church Instrument Conservation. Luang temple pond, the San Luang Pu Wat Pa Don Moon, Kruba Huai Tom Wong Temple Buddha, Dhamma Kruba Chai Wat Thung Luang, Kruba Pornhamhekorn. Washing Buddha Temple, Luang Pu Wat Tham Pha Pong Sim.
2. He ceremony output President Corporate Eษ a second time at Wat Pho relations With the faculty attending 108 images, including Luang Poo Toh Wat Praduchimplee, Luang Pu Tim Isaac Rico, Luang Phor Thong Wat glass cube, Luang Pu start measuring neck Krachoe, father Tira Temple Forest Forest Lai, father baked measure Tham Kaew, Wat Mai, Luang Por infection, etc. merit.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)